วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552


น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่ง อยู่บนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ หรือที่ชาวบ้านเรียก กันว่า "อุทยานแห่งชาติเขาสลอบ" สายธารน้ำตกเอราวัณมีความยาว 2,000 เมตร จากชั้นบนสุดถึงชั้นล่างสุด ไหล ลดหลั่นกันลงมาท่ามกลางผืนป่าอันเขียวขจี แบ่งเป็นชั้นใหญ่ ๆ ได้ทั้งหมด 7 ชั้น โดยจากลานจอดรถ มีทางเดินเท้า เข้าสู่บริเวณน้ำตก เป็นเส้นทางเดินท่ามกลางผืนป่าที่ร่มรื่นและเป็นธรรมชาติ ทางอุทยานฯ ได้จัดเส้นทางไว้อย่างด ีเยี่ยมและไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้าไปในบริเวณน้ำตก เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดและความเป็นธรรมชาติเอาไว้ ประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงน้ำตกชั้นแรก ด้วยโครงสร้างของผาหินปูน น้ำตกเอราวัณ จึงเป็นน้ำตกที่มีลีลาการริน ไหลอ่อนช้อยงดงาม นักท่องเที่ยวควรเดินอยู่บนทางเดินที่ทางอุทยานฯ จัดไว้ให้เท่านั้น เมื่อเดินสูงขึ้นไปจนถึง น้ำตกชั้นที่ 7 หรือชั้นบนสุด ซึ่งธารน้ำจะแยกตกลงมาเป็น 2 สาย สีขาวของสายน้ำที่ตกลงมาจากผาสูงเมื่อมองไกล ๆ จะมีลักษณะคล้ายงาของช้างและหัวของช้างที่ยื่นเดินออกมาจากภูผา จึงได้ชื่อว่า "น้ำตกเอราวัณ"การเดินทาง
อยู่ห่างจากตัวเมือง 65 กิโลเมตร ใช้เส้นทางสายกาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์ (ทางหลวงหมายเลข 3199) เมื่อถึง กิโลเมตรที่ 56 แยกซ้ายข้ามสะพานเข้าตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ ตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร จะถึงลานจอดรถ แล้วเดินต่อไปอีก 500 เมตร จะถึงตัวน้ำตก
สำหรับการเดินทางโดยรถประจำทาง มีรถออกจากสถานีขนส่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับสำนักงานการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย จังหวัดกาญจนบุรี มายังตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ทุกวัน และจากตลาดฯ มีรถสองแถวและมอเตอร์ไซด์ รับจ้างเข้าสู่น้ำตก

บริเวณน้ำตกเอราวัณมีบ้านพักและเต็นท์บริการ ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. (02) 579-7223, 579-5734

เขาช่องพราน

ค้างคาวเขาช่องพรานค้างคาวเขาช่องพราน ค้างคาวจำนวนร้อยล้าน ยามใดใกล้ ตะวันลับฟ้า ยามนั้นเสียงกระพือปีกจะดังก้องอยู่ปากถ้ำ และเมื่อทิวาราตรีมาบรรจบ ยามนั้นร้อยล้านค้างคาว จะทะยานสู่ฟากฟ้าออกหากิน ใครจะเชื่อว่า ค้างคาวร้อยล้าน อยู่ใกล้บ้านเรานิดเดียว นี่เอง.. ราชบุรี
เขาช่องพรานตั้งอยู่ใกล้ตัวอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี มีลักษณะเป็นเขาหินปูนที่สวยงาม อยู่ห่างจากวัดขนอน ไปทางตะวันตกไม่ไกลนัก เขาช่องพรานมีถ้ำขนาดใหญ่ เรียกว่า ถ้ำพระนอน ซึ่งเต็มไปด้วย หินงอกหินย้อยงามแปลกตา อีกทั้งมีพระนอน และพระพุทธรูปกว่า 100 องค์รายรอบ แต่ความมหัศจรรย์ของเขาช่องพรานอยู่ตรงที่ค้างคาวกว่า 2 ล้านตัว ที่อาศัยอยู่ในถ้ำ เป็นสังคมขนาดใหญ่ ยามค้างคาวเหล่านั้นบินออกหากินพร้อมกันเป็นสายยาวสีคล้ำ พาดผ่านท้องฟ้า นับเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก
วันเวลาที่แนะนำชมค้างคาวเขาช่องพรานบินออกหากินได้ในช่วงพลบค่ำ
การเดินทาง จากตัวเมืองราชบุรีใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 3357 ผ่านอำเภอโพธารามสู่เขาช่องพราน

สถานที่ท้องเที่ยวจังหวัดกระบี่

อำเภอเมือง
ตัวเมืองกระบี่ เป็นเมืองที่มีภูมิทัศน์สวยงาม มีเขาขนาบน้ำที่เป็นจุดเด่นของเมืองคู่กับป่าชายเลนที่สมบูรณ์ เขียวชอุ่ม ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่นสบายตา นักท่องเที่ยวสามารถพายเรือแคนูเพื่อเป็นการพักผ่อนและออกกำลังกาย หรือในช่วงเย็นแดดร่ม อากาศสบาย ๆ สามารถเดินเล่นรับลมพร้อม ๆ กับนั่งรับประทานอาหารเย็นได้ที่ตลาดโต้รุ่ง บริเวณท่าเรือเจ้าฟ้า และบริเวณตลาด ถนนมหาราช ก็มีอาหารพื้นเมืองให้รับประทาน ทั้งขนมจีนน้ำยา น้ำพริก แกงไตปลา ไก่ทอดพื้นเมืองรสชาติกลมกล่อม และสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวตามหาดหรือเกาะต่าง ๆ เช่น หาดไร่เลย์ อ่าวนาง เกาะลันตา เกาะพีพี เกาะจำ และเกาะสีบอยา สามารถลงเรือโดยสารหรือติดต่อเช่าเรือได้ที่ท่าเรือเจ้าฟ้า ในอำเภอเมือง เขาขนาบน้ำ เป็นเขาสองลูกสูงประมาณ ๑๐๐ เมตร ขนาบแม่น้ำกระบี่ด้านหน้าตัวเมือง ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองกระบี่ สามารถไปเที่ยวชมได้โดยเช่าเรือหางยาวที่ท่าเรือเจ้าฟ้า ใช้เวลาเดินทางเพียง ๑๕ นาที นอกจากนั่งเรือชมเขาและป่าชายเลนที่มีความสมบูรณ์แล้วยังสามารถเดินขึ้นไปเที่ยวถ้ำได้ ภายในมีหินงอกหินย้อย และเป็นสถานที่ที่เคยพบโครงกระดูกมนุษย์จำนวนมากอีกด้วยแต่ปัจจุบันไม่หลงเหลืออยู่แล้ว สันนิษฐานว่าอาจเป็นโครงกระดูกของกลุ่มคนที่อพยพมาตั้งหลักแหล่งแต่ล้มตายลงเนื่องจากเกิดอุทกภัยอย่างฉับพลัน และสำหรับนักนิยมพายเรือแคนู บริเวณนี้เหมาะที่จะพายเรือแคนูเพราะมีธรรมชาติที่เขียวชอุ่มด้วยป่าชายเลนและน้ำนิ่ง สนใจสามารถติดต่อบริษัทเรือแคนู ในจังหวัดกระบี่ได้ นอกจากนั้นไม่ห่างจากเขาขนาบน้ำจะมีชุมชนชาวเกาะกลาง ที่บนเกาะจะมีหอพิพิธภัณฑ์และศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านแสดงเครื่องใช้ในสมัยโบราณ ของที่ระลึกฝีมือชาวบ้าน อาทิ เรือโทงเทง และจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้าน การทอผ้าฝ้าย การเลี้ยงปลาในกระชัง นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือจากท่าเรือเทศบาล บริเวณเขาขนาบน้ำ ใช้เวลาประมาณ ๒๐ นาที ค่าเช่าเรือลำละ ๓๐๐ บาท อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองทะเล ตำบลไสไทย ตำบลอ่าวนาง และตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มีพื้นที่ ๒๔๒,๔๓๗ ไร่ เป็นพื้นน้ำประมาณ ๒๐๐,๘๔๙ ไร่ มีป่าไม้ ๓ ประเภท คือ ป่าดงดิบชื้น พบเห็นได้บริเวณเขาสูงชันบริเวณเขาหางนาค เขาอ่าวนาง ป่าชายเลน จะพบบริเวณคลองแห้ง ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ คลองย่านสะบ้า และด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณสุสานหอย ๔๐ ล้านปี และป่าพรุ ที่พบต้นเสม็ดขึ้นอยู่อย่างสมบูรณ์ มีสัตว์ต่าง ๆ ที่พบในอุทยานฯ ได้แก่ นกโจรสลัด เหยี่ยวแดง นกออก นกนางแอ่นกินรัง หมูป่า ลิง และค่าง สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวคือเดือนพฤษภาคม-เดือนเมษายน
อุทยานฯ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ หาดนพรัตน์ธารา อยู่ห่างจากตัวเมือง ๑๗ กิโลเมตร ชายหาดมีความยาวเกือบ ๓ กิโลเมตร เดิมชาวบ้านเรียกว่า "หาดคลองแห้ง" ทั้งนี้เพราะเมื่อน้ำลง น้ำคลองที่ไหลมาจากภูเขาทางด้านเหนือจะแห้งขอดกลายเป็นหาดทรายยาวเหยียดทอดลงไปในทะเล บรรจบกับเกาะเขาปากคลอง บริเวณหาดเป็นทรายละเอียดปะปนด้วยเปลือกหอยเล็ก ๆ ประดับด้วยทิวสนเรียงรายตามชายทะเลยาวเหยียด เมื่อน้ำลงจนแห้งสามารถเดินไปยังเกาะเล็ก ๆ บริเวณหน้าชายหาดได้ นอกจากนั้นบริเวณชายหาดมีที่พักของอุทยานฯ บริการแก่นักท่องเที่ยว โทร. ๐ ๗๕๖๓ ๗๒๐๐ จากที่ทำการอุทยานฯ เดินเท้าไปตามชายหาดด้านทิศตะวันตก มีบังกะโลหลายแห่งให้บริการนักท่องเที่ยว ชายหาดบริเวณนี้ค่อนข้างเงียบสงบ เป็นสถานที่ที่ชาวกระบี่นิยมไปเที่ยวพักผ่อนในวันสุดสัปดาห์ ยังไม่มีถนนตัดเลียบชายหาด
สุสานหอย อยู่บริเวณชายทะเลบ้านแหลมโพธิ์ ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๑๗ กิโลเมตร ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปหาดนพรัตน์ธารา เมื่อถึงบ้านไสไทย จะมีป้ายบอกทางไปสุสานหอย บริเวณที่เป็นสุสานหอยแห่งนี้ เดิมเป็นหนองน้ำจืดขนาดใหญ่ มีหอยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะหอยขม มีขนาดราว ๒ เซนติเมตร ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงบริเวณพื้นผิวโลก น้ำทะเลไหลเข้ามาท่วมบริเวณหนองน้ำจนหมด ทำให้ธาตุหินปูนในน้ำทะเลหุ้มเปลือกหอยใต้น้ำจนเป็นเนื้อเดียวกัน กลายเป็นแผ่นหินแข็งที่เรียกว่า Shelly Limestone หนาประมาณ ๔๐ เซนติเมตร เมื่อแผ่นดินบริเวณนี้ถูกยกตัวขึ้นสูง ซากฟอสซิลเหล่านี้จึงปรากฏให้เห็นเป็นลานหินกว้างใหญ่ยื่นลงไปในทะเล จากการคำนวณหาอายุทางธรณีวิทยาพบว่า ฟอสซิลนี้มีอายุราว ๔๐ ล้านปี อ่าวนาง อยู่ห่างจากหาดนพรัตน์ธารา ตามถนนเลียบชายทะเลระยะทาง ๖ กิโลเมตร เป็นชายหาดยาว มีที่พักร้านค้า บริษัทนำเที่ยว บริการหลายแห่ง ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามแปลกตาด้วยภูเขาหินปูนตระหง่าน จากอ่าวนางสามารถเช่าเรือไปเที่ยวชายหาดด้านทิศตะวันออกได้แก่ หาดไร่เล ซึ่งเป็นหาดทรายสีขาวละเอียด และ หาดถ้ำพระนาง ซึ่งมีถ้ำหินงอกหินย้อยและกิจกรรมปีนหน้าผาที่น่าตื่นเต้น ท้องทะเลในบริเวณอ่าวนางมีเกาะใหญ่น้อยกว่า ๘๓ เกาะ บางเกาะมีรูปร่างประหลาดคล้ายรองเท้าบู๊ท เรือสำเภา หัวนก เกาะที่มีหาดทรายสวยงามและคนนิยมไปเที่ยวเล่นน้ำชมปะการังได้แก่ เกาะปอดะ เกาะหม้อ และเกาะทัพ สำหรับค่าโดยสารเรือจากอ่าวนางไปยังหาดและเกาะต่าง ๆ เช่น อ่าวนาง-ไร่เล ใช้เวลา ๑๐ นาที ค่าโดยสารคนละ ๕๐ บาท อ่าวนาง-ถ้ำพระนาง ใช้เวลา ๑๕ นาที ค่าโดยสารคนละ ๕๐ บาท อ่าวนาง-เกาะปอดะ ใช้เวลา ๒๕ นาที ไป-กลับ ค่าโดยสารคนละ ๒๐๐ บาท อ่าวนาง-เกาะไก่ ไป-กลับ ใช้เวลา ๒๕ นาที ค่าโดยสารคนละ ๒๕๐ บาท อ่าวนาง-หมู่เกาะห้อง ใช้เวลา ๑ ชั่วโมง ราคาค่าเรือลำละ ๑,๕๐๐ บาท สำหรับเวลากลางคืน อ่าวนาง-ไร่เลย์ ค่าโดยสารคนละ ๘๐ บาท สามารถเช่าเรือได้ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐-๑๙.๐๐ น.การเดินทางไปอ่าวนางจากตัวเมืองกระบี่ นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถสองแถว ค่าโดยสาร ๒๐ บาท ใช้เวลาประมาณ ๔๕ นาที หรือหากต้องการเดินทางจากตัวเมืองกระบี่ไปยังหาดไร่เลย์โดยตรง สามารถโดยสารเรือได้ที่ท่าเรือเจ้าฟ้า ใช้เวลา ๔๕ นาที ค่าโดยสารคนละ ๗๐ บาท หมายเหตุ: ราคาค่าโดยสารอาจมีการเปลี่ยนแปลง หมู่เกาะปอดะ อยู่ทางทิศใต้ของอ่าวนาง ห่างจากฝั่งประมาณ ๘ กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาว น้ำทะเลใส บริเวณชายฝั่งของเกาะจะมองเห็นแนวปะการังหลากชนิดที่ยังสมบูรณ์ จึงเป็นแหล่งดึงดูดของนักท่องเที่ยวให้เที่ยวชมได้เกือบตลอดปี และเป็นจุดที่ตกปลาได้ดีเพราะไม่ได้รับผลกระทบจากลมมรสุมมากนัก สามารถเช่าเรือได้จากบริเวณอ่าวนาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๒๕ นาที ใกล้ ๆ กับเกาะปอดะเป็นที่ตั้งของเกาะทัพ เกาะหม้อ เกาะหัวขวาน เกาะไก่ ซึ่งมีสันทรายเชื่อมต่อกันสวยงามมองเห็นได้เวลาที่น้ำลง หมู่เกาะพีพี เป็นหมู่เกาะกลางทะเล อยู่ห่างจากอำเภอเมือง ๔๒ กิโลเมตร เดิมชาวทะเลเรียกหมู่เกาะนี้ว่า "ปูเลาปิอาปิ" คำว่า "ปูเลา" แปลว่าเกาะ คำว่า "ปิอาปิ" แปลว่าต้นไม้ทะเลชนิดหนึ่งจำพวกแสม และโกงกาง ต่อมาเรียกว่า "ต้นปีปี" ซึ่งภายหลังกลายเสียงเป็น "พีพี" ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรแห่งบุปผาใต้สมุทรนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวหมู่เกาะนี้ส่วนใหญ่มาเพื่อดำน้ำดูปะการังดอกไม้ทะเล และปลาหลากสีสันที่สวยงาม นอกจากนั้นยังมีเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างเส้นทางเดินเรือ กระบี่-ภูเก็ต-หมู่เกาะพีพี ประกอบด้วยเกาะ ๖ เกาะ คือ เกาะพีพีเล เกาะพีพีดอน เกาะยูง เกาะไม้ไผ่ เกาะบิดะนอก และเกาะบิดะใน ซึ่งแต่ละเกาะมีหาดทรายสวย น้ำทะเลใสสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของหมู่เกาะพีพี เกาะพีพีดอน มีพื้นที่ประมาณ ๒๘ ตารางกิโลเมตร จุดเด่นของเกาะคือเวิ้งอ่าวคู่ที่มีความสวยงามติดอันดับโลกของอ่าวต้นไทรและอ่าวโละดาลัม อ่าวต้นไทรเป็นที่ตั้งของท่าเรือเกาะพีพี และมีสถานที่พักและร้านค้าจำนวนมาก จากอ่าวต้นไทรสามารถเดินขึ้นเขาไปยังจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเวิ้งอ่าวคู่ได้ เกาะพีพีดอนยังมีหาดทรายและอ่าวที่สวยงามกระจายอยู่รอบเกาะ บางแห่งมีที่พักบริการ เช่น หาดแหลมหิน หาดยาว อ่าวโละบาเทา ทางเหนือของเกาะคือ แหลมตง เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวเลประมาณ ๑๕-๒๐ ครอบครัว ส่วนใหญ่อพยพมาจากเกาะลิเป๊ะ ในอุทยานแห่งชาติตะรุเตาที่จังหวัดสตูล บริเวณแหลมตงมีธรรมชาติใต้ทะเลที่สวยงามและบนหาดมีที่พักให้บริการแก่นักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือเที่ยวหรือดำน้ำดูปะการังรอบเกาะพีพีดอนและเกาะพีพีเลได้ ราคาประมาณ ๑,๕๐๐ บาทต่อลำต่อวัน เกาะพีพีเล มีพื้นที่เพียง ๖.๖ ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูน มีหน้าผาสูงชันตั้งฉากกับผิวทะเลโดยรอบเกือบทั้งเกาะ มีพื้นน้ำลึกเฉลี่ยประมาณ ๒๐ เมตร มีบริเวณน้ำลึกที่สุดประมาณ ๓๔ เมตรอยู่ทางตอนใต้ของเกาะ เกาะแห่งนี้มีเวิ้งอ่าวสวยงาม อาทิ อ่าวปิเละ อ่าวมาหยา อ่าวโละซามะ นอกจากนี้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือยังมีถ้ำไวกิ้ง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ และทรงพระราชทานนามใหม่ว่า "ถ้ำพญานาค" ตามรูปร่างหินก้อนหนึ่งที่คล้ายเศียรพญานาค อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านที่มาเก็บรังนกนางแอ่นบนเกาะแห่งนี้ ภายในถ้ำทางทิศตะวันออกและทิศใต้พบภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์ เป็นรูปช้างและรูปเรือชนิดต่างๆ เช่น เรือใบยุโรป เรือใบอาหรับ เรือสำเภา เรือกำปั่น เรือใบใช้กังหัน และเรือกลไฟ เป็นต้น สันนิษฐานว่าภาพเขียนเหล่านี้เป็นฝีมือของนักเดินเรือหรือพวกโจรสลัด เพราะจากการศึกษาเส้นทางเดินเรือจากฝั่งตะวันตกไปยังฝั่งตะวันออก บริเวณนี้อาจเป็นจุดที่เรือสามารถแวะพักหลบลมมรสุมขนถ่ายสินค้าหรือซ่อมแซมเรือได้ เกาะยูง ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอน มีชายหาดเป็นหาดหินอยู่ทางด้านทิศตะวันออก และมีหาดทรายเล็กน้อยตามหลืบเขา นอกจากนี้ยังมีแนวปะการังสวยงามชนิดต่าง ๆ เกาะไม้ไผ่ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอน ไม่ไกลจากเกาะยูงเท่าใดนัก ด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกมีหาดทรายสวยงาม และแนวปะการังซึ่งส่วนมากเป็นแนวปะการังเขากวางทอดยาวไปถึงทางทิศใต้ของเกาะ บนเกาะมีสถานที่กางเต็นท์ สอบถามข้อมูลจากอุทยานฯ การเดินทางไปหมู่เกาะพีพีนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังหมู่เกาะพีพีได้ทั้งจากกระบี่และภูเก็ต จากท่าเรือเจ้าฟ้าในตัวเมืองกระบี่ มีเรือโดยสารออกจากกระบี่ไปเกาะพีพี วันละ ๒ เที่ยว เวลา ๑๐.๐๐ น. และ ๑๔.๓๐ น. และจากเกาะพีพีกลับกระบี่ เรือออกเวลา ๐๙.๐๐ น. และ ๑๓.๐๐ น. ค่าโดยสารคนละ ๑๕๐ บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณสอง ชั่วโมงครึ่ง และมีเรือเร็วนำเที่ยวเช้าไปเย็นกลับ ออกจากอ่าวนาง เวลา ๐๙.๐๐ น. และกลับเวลา ๑๗.๐๐ น. ติดต่อโทร. ๐ ๗๕๖๓ ๗๑๕๒-๓ สำหรับบริษัท อันดามัน เวฟ มาสเตอร์ จะมีเรือโดยสารออกจากท่าเรือเจ้าฟ้า เรือออกเวลา ๑๐.๐๐ น. และ ๑๔.๐๐ น. ค่าโดยสารคนละ ๒๐๐ บาท สนใจสอบถามได้ที่ บริษัท เอ ดี วี จำกัด ถนนข้าวสาร โทร. ๐ ๒๒๘๑ ๑๔๖๓-๕ หรือ บริษัท อันดามัน เวฟ มาสเตอร์ จำกัด โทร. ๐ ๗๕๖๓ ๐๔๗๑ ส่วนการเดินทางจากภูเก็ตมีเรือนำเที่ยวเกาะพีพีแบบเช้าไปเย็นกลับ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อได้ที่บริษัททัวร์ทั่วไปในตัวเมืองภูเก็ต นอกจากนี้บริเวณอ่าวต้นไทรบนเกาะพีพีดอน มีเรือหางยาวให้เช่าไปเที่ยวตามชายหาดต่าง ๆ รวมถึงเกาะพีพีเลด้วย บริษัท พีพี แฟมิลี่ จำกัด โทร. ๐ ๗๕๖๑ ๒๔๖๓ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ พ.พ.๔ (ทับแขก) เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานฯ ใช้เส้นทางตามทางหลวง ๔๒๐๐ จนถึงสี่แยกคลองจิหลาด เลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข ๔๐๓๔ ตรงไปถึงสามแยกบ้านหนองทะเล เลี้ยวซ้ายตรงไปบ้านคลองม่วง และเลี้ยวขวาอีกครั้งตรงไปที่ทำการหน่วยพิทักษ์ฯ ระยะทาง ๓๘ กิโลเมตร พื้นที่เป็นภูเขาที่สมบูรณ์ด้วยป่าไม้และสัตว์ป่า มีจุดชมวิวที่สวยงามคือหงอนนาค ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพของทะเลกระบี่ได้อย่างสวยงาม หน่วยพิทักษ์ฯ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง ๓.๗ กิโลเมตร ต้องมีคนนำทาง ถ้ำเสด็จ อยู่ที่หมู่บ้านหนองกก ตำบลไสไทย ห่างจากตัวเมืองกระบี่ ๗ กิโลเมตร ถ้ำเสด็จนี้ ชาวบ้านตั้งชื่อให้เป็นมงคลนาม เพราะเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๒ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรถ้ำแห่งนี้ ชาวบ้านจึงเรียกชื่อถ้ำนี้ว่า "ถ้ำเสด็จ" ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงาม ถ้ำเสือเขาแก้ว อ่าวลูกธนู ตั้งอยู่ที่บ้านถ้ำเสือในตำบลกระบี่น้อย ห่างจากตัวเมืองกระบี่ไปตามถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข ๔) แล้วแยกซ้ายเข้าถนนราษฎรพัฒนา (ทางหลวงหมายเลข ๔๐๓๗) ไปประมาณ ๙ กิโลเมตร เหตุที่ได้ชื่อว่า "ถ้ำเสือ" เพราะว่าบริเวณถ้ำด้านหน้าของทิวเขาอ่าวลูกธนูหรือที่เรียกว่า "เขาแก้ว" เคยมีเสือโคร่งขนาดใหญ่อาศัยอยู่และภายในถ้ำยังปรากฎหินธรรมชาติเป็นรูปอุ้งเท้าเสือ สภาพโดยทั่วไปมีลักษณะเป็นสวนป่า แวดล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่อายุนับร้อยปีในหุบเขาคีรีวงศ์ และเนื่องจากมีเขาล้อมอยู่ทุกด้าน จึงมีถ้ำเล็ก ถ้ำน้อยอยู่มากมาย เช่น ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำลอด ถ้ำช้างแก้ว ถ้ำลูกธนู ถ้ำพระ เป็นต้น บริเวณนี้นอกจากเป็นที่ตั้งของวัด ยังเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญถึงสองสมัยคือ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ มีการขุดพบเครื่องมือหิน เศษภาชนะดินเผา พระพิมพ์ดิบ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีเส้นทางเดินป่า และเส้นทางขึ้นจุดชมวิวบนยอดเขา ไปตามบันไดสูง ๑,๒๗๒ ขั้นด้วย ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์พืชสวนกระบี่ ตั้งอยู่ที่หมู่ ๑ ถนนเพชรเกษม ตำบลเขาคราม ใช้เส้นทางกระบี่-อ่าวลึก อยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ ๒๐ กิโลเมตร เป็นศูนย์เพื่อรวบรวมพันธุ์พืชในท้องถิ่น ทดสอบพันธุ์พืชในประเทศและต่างประเทศ เพื่อผลิตและกระจายพืชพันธุ์ดีแก่เกษตรกร ภายในศูนย์จะมีไม้หลายพันธุ์ให้เที่ยวชม อาทิ หมากแดง ดาหลา จั๋ง เฮลิโทเนีย มะพร้าวน้ำหอม กล้วยไม้หลากสีสัน และดอกหน้าวัวกว่า ๖๐ พันธุ์ ที่มีสีสันแปลกตาสวยงาม เช่น พันธุ์มิโดริ ดอกจะสีเขียว พันธุ์มินาคีไวท์ ดอกสีขาว พันธุ์ทวิงโก้ ดอกสีชมพูอ่อน และพันธุ์โรยัล ฟรัช ดอกจะมีสีม่วง เป็นต้น นักท่องเที่ยวที่สนใจต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โทร. ๐ ๗๕๖๑ ๒๙๑๓ สระแก้ว อยู่ในเขตสวนป่าตำบลเขาทอง ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๒๘ กิโลเมตร ตามเส้นทางกระบี่-ในสระ สระแก้วประกอบด้วยสระน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติถึง ๘ สระ ได้แก่ สระน้ำลอด สระเชิงเขา สระจระเข้ขาว สระน้ำทิพย์ สระน้ำคราม สระมรกต สระหุ้นแก้ง และสระน้อยป่าพรุท่าปอม คลองสองน้ำ ตั้งอยู่ที่บ้านหนองจิก หมู่ที่ ๒ ตำบลเขาคราม ห่างจากตัวเมืองกระบี่ ๓๔ กิโลเมตร ตามเส้นทางถนนหลวงหมายเลข ๔ (กระบี่-อ่าวลึก) ประมาณหลักกิโลเมตรที่ ๑๒๖ เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ ๕ กิโลเมตร ป่าพรุท่าปอมเป็นป่าที่มีแหล่งน้ำสวยงามหลายแห่ง มีต้นกำเนิดจากแอ่งน้ำช่องพระแก้ว ซึ่งเป็นน้ำจืดใสสะอาดจนมองเห็นพื้นน้ำและรากไม้ป่าหลุมพี ไหลเอื่อย มาบรรจบกับป่าโกงกางสู่ทะเลซึ่งเป็นน้ำเค็ม จึงได้ชื่อว่าคลองสองน้ำ ภายในมีทางเดินศึกษาธรรมชาติ ทำด้วยไม้ระแนง บางช่วงมีเก้าอี้ไม้ ให้นักนิยมไพรผู้รักธรรมชาติได้นั่งพักชมทัศนียภาพสองข้างทาง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลเขาคราม โทร. ๐ ๗๕๖๙ ๔๑๖๕

อำเภอเขาพนม
อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา เป็นอุทยานฯ ทางบกแห่งเดียวของจังหวัดกระบี่ มีเนื้อที่ ๓๑,๓๒๕ ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมือง อำเภออ่าวลึก และอำเภอเขาพนม มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนในแนวเหนือจรดใต้ มียอดเขาพนมเบญจาซึ่งสูง ๑,๓๙๗ เมตร จากระดับน้ำทะเลสูงที่สุดในกระบี่ มีทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงามทั้งลำธาร น้ำตก ถ้ำ และมีสัตว์ป่านานาชนิด เช่น สมเสร็จ เลียงผา หมีควาย เสือปลา มีนกที่สามารถพบเห็นกว่า ๒๑๘ ชนิด เช่น นกอินทรี นกเงือก นกหัวขวาน เป็นต้นสถานที่ท่องเที่ยวภายในอุทยาน ฯได้แก่ น้ำตกห้วยโต้ ต้นกำเนิดจากเขาพนมเบญจา มี ๕ ชั้น คือ วังสามหาบ วังจงลอย วังดอยปรง วังเทวดา และวังโตนพริ้ว สายน้ำของน้ำตกห้วยโต้ไหลมารวมกันที่คลองกระบี่ใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ น้ำตกห้วยสะเด อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ ๓๐๐ เมตร เป็นน้ำตกจากหน้าผาสูง มี ๓ ชั้น มีแอ่งน้ำใสสะอาด น้ำตกสายนี้ไหลมารวมกันที่คลองโตนและไหลลงสู่คลองกระบี่ใหญ่ การเดินขึ้นยอดเขาพนมเบญจา เป็นอีกกิจกรรมของอุทยานฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถจะเดินขึ้นได้ ๒ เส้นทาง คือเส้นทางแรก ใช้เวลาในการเดินทาง ๔ วัน ๓ คืน โดยการเริ่มต้นจากน้ำตกห้วยโต้ ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ๓๐๐ เมตร นักท่องเที่ยวจะต้องปีนข้ามน้ำตกทั้ง ๕ ชั้น ขึ้นไปชั้นบนสุดแล้วเดินต่อไปยังลำธาร เลี้ยวซ้ายทางต้นยางใหญ่พักค้างคืนที่เขาลูกช้าง ๑ คืน รุ่งขึ้นจึงเดินต่อไปค้างคืนที่ควนน้ำค้างอีก ๑ คืน จากนั้นเดินต่อไปจนถึงเชิงเขาพนม รุ่งเช้าอีกวันหนึ่งจึงเริ่มขึ้นยอดเขา พักค้างบนยอดเขาอีก ๑ คืนเส้นทางที่สอง เดินทางโดยรถยนต์ไปที่ฐานปฏิบัติการบางสร้าน ระยะทางประมาณ ๖๐ กิโลเมตร เส้นทางนี้ใช้เวลาในการพักค้าง และเดินทาง ๓ วัน ๒ คืน โดยเดินจากฐานปฎิบัติการบางสร้านไปสู่ยอดเขาพนมเบญจา เป็นเวลา ๑ วัน และพักค้างบนยอดเขาพนมเบญจา ๑ คืน จากนั้นเดินลงจากยอดเขามาพักค้างคืนที่ควนน้ำค้างอีก ๑ คืน และในวันรุ่งขึ้นเดินจากควนน้ำค้างลงมาที่ทำการอุทยานฯ ทั้งสองเส้นทางนักท่องเที่ยวจะได้พบกับธรรมชาติที่สวยงามของพันธุ์ไม้ สัตว์ป่า ถ้ำ เพิงผา น้ำตก ธารน้ำ ทะเลหมอก จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นตัวเมืองกระบี่ และอากาศที่เย็นสบายตลอดปี นักท่องเที่ยวที่สนใจควรสอบถามข้อมูลก่อนการเดินทาง อุทยานฯ มีเต็นท์ให้บริการ สำหรับ ๒-๓ คน ราคาหลังละ ๕๐ บาท/คืน/หลัง หรือจะนำเต็นท์มาเอง เสียค่าธรรมเนียม ๓๐ บาท/คืน/หลัง รายละเอียดติดต่ออุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา ตู้ ป.ณ.๒๖ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ๘๑๐๐๐ โทร. ๐ ๗๖๖๒ ๙๐๑๓ หรือ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. ๐ ๒๕๗๙ ๗๒๒๓, ๐ ๒๕๗๙ ๕๗๓๔การเดินทาง จากอำเภอเมืองกระบี่ ไปยังสามแยกบ้านตลาดเก่าตามถนนเพชรเกษม ๑ กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายตามเส้นทางตลาดเก่า-บ้านห้วยโต้ ระยะทาง ๒๐ กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ

อำเภออ่าวลึก
อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี มีพื้นที่ ๑๒๑ ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยภูเขาหินปูน ป่าดิบ ป่าชายเลน และเกาะต่าง ๆ อุทยานฯ มีพันธุ์ไม้ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นป่าดงดิบ ป่าพรุ ป่าชายหาด ป่าชายเลน รวมถึงสังคมพืชน้ำใต้ท้องทะเล ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ได้ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ๒ เส้นทาง คือ เส้นทางที่เดินภายในอุทยานฯ ระยะทาง ๑ กิโลเมตร และ เส้นทางเดินจากอุทยานฯ ไปป่าชายเลน ระยะทาง ๓-๔ กิโลเมตร ผู้สนใจเข้าชมอุทยานฯ จะเสียค่าเข้าอุทยานฯ ผู้ใหญ่ ชาวไทย ๒๐ บาท เด็ก ๕ บาท ผู้ใหญ่ชาวต่างประเทศ ๒๐๐ บาท เด็ก ๑๐๐ บาท อุทยานฯ ไม่มีบ้านพักให้บริการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. ๐ ๗๕๖๘ ๑๐๗๑ สถานที่น่าสนใจภายในอุทยานฯ ได้แก่ ธารโบกขรณี อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ เดิมชื่อ ธารอโศก เพราะมีต้นอโศกขึ้นอยู่ริมธาร สภาพทั่วไปเป็นธารน้ำธรรมชาติไหลลงมายังแอ่งน้ำน้อยใหญ่ซึ่งอยู่ต่างระดับกัน รายรอบด้วยป่าไม้ร่มรื่น ด้านเหนือของธารโบกขรณี มีมณฑปพระพุทธบาทจำลองที่แกะสลักจากไม้ ประดิษฐานอยู่ใกล้กับศาลาบูชาเจ้าพ่อโต๊ะยวน-โต๊ะช่อง ถ้ำลอดและ ถ้ำผีหัวโต อยู่ห่างจากอุทยานฯ ประมาณ ๖ กิโลเมตร เดินทางไปทางอำเภออ่าวลึกตามถนนอ่าวลึก-แหลมสัก ประมาณ ๒ กิโลเมตร แยกขวาไปยังท่าเรือบ่อท่อ แล้วลงเรือหางยาวรับจ้างไปตามลำคลองท่าปรัง ผ่านป่าชายเลนไปประมาณ ๑๕ นาที ถ้ำลอด เป็นอุโมงค์ใต้เขาหินปูน บนเพดานถ้ำมีหินงอกและหินย้อยรูปร่างต่าง ๆ กัน ส่วน ถ้ำผีหัวโตหรือถ้ำหัวกะโหลก อยู่ห่างจากถ้ำลอดประมาณ ๕๐๐ เมตร แต่เดิมภายในถ้ำเคยมีหัวกะโหลกมนุษย์ มีขนาดโตกว่าปกติจึงมีชื่อว่า "ถ้ำผีหัวโต" และบนผนังถ้ำยังปรากฎภาพเขียนสีก่อนสมัยประวัติศาสตร์จำนวนมาก อาทิ รูปคน รูปสัตว์ บนพื้นถ้ำมีเปลือกหอยทับถมกันอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังสามารถพายเรือแคนูชมทิวทัศน์ป่าชายเลนที่สงบร่มรื่นได้ ค่าเช่าเรือแคนู ๑,๒๐๐ บาท/คน รวมอาหารกลางวัน โดยสามารถเช่าเรือได้จากบริเวณท่าเรือบ่อท่อ ถ้ำชาวเล อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของแหลมสัก ในเวิ้งอ่าวที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติอันสวยงามของเกาะแก่งและภูผา ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยและภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นรูปคน รูปสัตว์ และรูปทรงเรขาคณิตต่าง ๆ หลายภาพด้วยกัน สันนิษฐานว่าจะมีอายุอยู่ในช่วงหลังภาพเขียนที่ถ้ำผีหัวโต บริเวณถ้ำชาวเลสามารถพายเรือแคนูได้ สำหรับการไปเที่ยวชมสามารถโดยสารเรือประจำทางหรือเรือเช่าจากท่าเรือบ้านแหลมสัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๑๐-๑๕ นาที เกาะกาโรส อยู่ทางด้านตะวันออกของปลายแหลมสัก เป็นบริเวณที่สามารถพายเรือแคนูได้ เกาะแดง มีหาดทรายสวยงามยาว ๒๕ เมตร มีถ้ำลอดกว้าง ๗๐ เมตร สูง ๒๐ เมตร เป็นบริเวณที่ดำน้ำดูปะการังได้ หมู่เกาะห้อง เป็นหมู่เกาะที่ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่หลายเกาะ อาทิ เกาะเหลาหรือเกาะซากา เกาะเหลาเหรียม เกาะปากกะ เกาะเหลาลาดิง เป็นต้น โดยมีเกาะห้องหรือเกาะเหลาปิเละ เป็นเกาะทางตอนใต้ที่ใหญ่ที่สุด ลักษณะโดยทั่วไปเป็นเขาหินปูน น้ำทะเลใส หาดทรายขาว มีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเหมาะแก่การดำน้ำ ตกปลา บนเกาะห้อง มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง ๔๐๐ เมตร รอบ ๆ เกาะห้องสามารถพายเรือแคนูได้ บนเกาะมีที่สำหรับกางเต็นท์ ค่าธรรมเนียมกางเต็นท์พักแรมบนเกาะคนละ ๒๐ บาท โดยต้องนำเต็นท์มาเอง นักท่องเที่ยวที่จะขึ้นเกาะห้องจะต้องเสียค่าเข้าชมอุทยานฯ ผู้ใหญ่ คนไทย ๒๐ บาท ชาวต่างประเทศ ๒๐๐ บาท เด็ก คนไทย ๑๐ บาท ชาวต่างประเทศ ๑๐๐ บาท การไปเที่ยวชมสามารถเช่าเรือหางยาวจากอ่าวนาง ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง การเดินทาง อุทยานฯ อยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ ๔๖ กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ธารโบกขรณี ตำบลอ่าวลึกใต้ ห่างจากสี่แยกตลาดอ่าวลึก มาตามถนนอ่าวลึก-แหลมสัก ประมาณ ๑ กิโลเมตร หรือจากอำเภอเมือง สามารถนั่งรถสองแถวกระบี่-อ่าวลึกเหนือ-ใต้ ลงที่หน้าอุทยานฯ ได้

อำเภอคลองท่อม
พิพิธภัณฑสถานวัดคลองท่อม ตั้งอยู่บริเวณวัดคลองท่อม บนถนนเพชรเกษม หลักกิโลเมตรที่ ๗๑-๗๒ ห่างจากที่ว่าการอำเภอคลองท่อมประมาณ ๑ กิโลเมตร พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เก็บสะสมสิ่งของ วัตถุโบราณจำนวนมากมายที่ขุดค้นพบได้ในบริเวณที่เรียกว่า "ควนลูกปัด" อันเป็นเนินดินหลังวัดคลองท่อม อาทิ เครื่องมือหิน เครื่องประดับซึ่งทำจากหินและดินเผา รูปสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกปัดอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่ของมนุษย์สมัยเมื่อ ๕,๐๐๐ ปีเศษมาแล้ว เปิดให้เข้าชมเวลา ๘.๓๐-๑๑.๐๐ น. และ ๑๓.๐๐-๑๗.๐๐ น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม น้ำตกหินเพิง ตั้งอยู่หมู่ที่ ๘ บ้านหินเพิง ตำบลคลองพน ห่างจากที่ว่าการอำเภอคลองท่อม ๒๕ กิโลเมตร ใช้เส้นทางถนนเพชรเกษม (กระบี่-ตรัง) เมื่อถึงตำบลคลองพนแล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก ๘ กิโลเมตร การเที่ยวชมน้ำตกหินเพิงจะต้องเดินลัดเลาะไปตามไหล่เขาประมาณ ๔๐๐ เมตร จะถึงบริเวณน้ำตกหินเพิงที่ไหลมาจากยอดหน้าผาที่สูงชัน น้ำตกร้อนคลองท่อม ตั้งอยู่บริเวณบ้านบางคราม-บ้านบางเตียว อยู่ห่างจากอำเภอเมืองกระบี่ตามถนนเพชรเกษม (กระบี่-ตรัง) ประมาณ ๔๕ กิโลเมตร จากนั้นแยกเข้าถนนสุขาภิบาล ๒ ตรงที่ว่าการอำเภอคลองท่อมไปอีก ๑๒ กิโลเมตร เป็นน้ำพุร้อนแห่งหนึ่งในบรรดาน้ำพุร้อนอีกหลายแห่งที่กระจัดกระจายอยู่ในบริเวณนี้ น้ำจะไม่ร้อนมาก มีอุณหภูมิประมาณ ๔๐-๕๐ องศาเซลเซียส เป็นน้ำร้อนที่ซึมขึ้นมาจากผิวดินซึ่งมีป่าละเมาะปกคลุมร่มรื่น สายน้ำไหลไปรวมกันตามความลาดเอียงของพื้นที่ บางช่วงมีควันกรุ่นและคราบหินปูนธรรมชาติพอกอยู่เป็นชั้นหนาทำให้เกิดทัศนียภาพสวยงามแปลกตา โดยเฉพาะบริเวณที่ธารน้ำร้อนไหลลงสู่คลองท่อมลดระดับเกิดเป็นลักษณะคล้ายชั้นน้ำตกเล็ก ๆ ค่าเข้าชม เด็ก ๒ บาท ผู้ใหญ่ ๕ บาท และชาวต่างประเทศ ๑๐ บาท รถจักรยานยนต์ ๕ บาท รถยนต์ ๒๐ บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลคลองท่อมเหนือ โทร. ๐ ๗๕๖๒ ๒๗๑๓ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม อยู่ที่หมู่บ้านบางเตียว ตำบลคลองท่อมเหนือ ใช้เส้นทางเดียวกับน้ำตกร้อนคลองท่อม ตามทางหลวงหมายเลข ๔๐๓๘ ก่อนถึงตลาดคลองท่อมจะมีทางแยกไปหมู่บ้านบางเตียว ระยะทาง ๑๗ กิโลเมตร ลักษณะเป็นป่าที่ราบต่ำ มีสิ่งที่น่าสนใจได้แก่ สระมรกต เป็นน้ำพุร้อนลักษณะเป็นสระน้ำร้อน ๓ สระ น้ำใสเป็นสีเขียวมรกต มีอุณหภูมิประมาณ ๓๐-๕๐ องศาเซลเซียส รอบ ๆ บริเวณเป็นป่าร่มรื่นเขียวครึ้มมีพรรณไม้ที่น่าสนใจ รวมทั้งนกที่หาดูได้ยากเช่น นกแต้วแร้วท้องดำ นกกระเต็นสร้อยคำสีน้ำตาล และนกเงือกดำ เป็นต้น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติทีนา โจลิฟฟ์ (ทุ่งเตียว) ซึ่งตั้งชื่อตามคุณทีนา โจลิฟฟ์ ชาวอังกฤษ ผู้ริเริ่มความคิดที่จะรักษาอนุรักษ์ป่าดิบชื้นผืนนี้ไว้ไม่ให้ถูกทำลาย เพื่อเป็นการระลึกถึงความตั้งใจและอนุสรณ์สำหรับทีนา ทุ่งเตียว คือส่วนหนึ่งของป่าที่ราบต่ำที่อยู่ติดกับหมู่บ้านบางเตียว ตำบลคลองท่อมเหนือ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ เส้นทางเดินศึกษานี้มีระยะทาง ๒.๗ กิโลเมตร ตลอดเส้นทางจะมีป้ายสื่อความหมายที่จะคอยบอกเล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในป่าให้นักเดินทางได้ศึกษาหาความรู้ได้ด้วยตนเอง มีจุดเริ่มต้นอยู่ก่อนถึงสระมรกตของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม ประมาณ ๘๐๐ เมตร โดยจะผ่านผืนป่าเล็ก ๆ ซึ่งเป็นป่าที่ราบต่ำที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยทางภาคใต้ของประเทศไทย เส้นทางนี้จะแสดงลักษณะของป่าดิบชื้นที่ราบต่ำอย่างแท้จริง และยังเป็นที่อยู่ของนกแต้วแร้วท้องดำ นกป่าสีสันสวยงามที่กระโดดหากินอยู่ตามพื้นดิน ทำให้มีการจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางครามขึ้น นอกจากนั้นในป่าแห่งนี้ยังพบนกชนิดอื่น ๆ อีกมากกว่า ๓๐๐ ชนิด นับเป็นจำนวนที่มากกว่าที่เคยบันทึกไว้ตามเขตอนุรักษ์ต่าง ๆ ทางภาคใต้ของประเทศไทย และมีมากกว่า ๑๐๐ ชนิดที่เคยพบตามทางเดินศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ อาทิ นกเขาเปล้า นกโพระดก นกเขียวคราม นกปรอด นกกินปลี นกปลีกล้วย และกระรอกพันธุ์ต่าง ๆ เป็นต้นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ มีบ้านพักบริการ และมีสถานที่สำหรับกางเต็นท์บริการนักท่องเที่ยว แต่ต้องนำเต็นท์มาเอง รายละเอียดติดต่อสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม หมู่ ๒ บ้านบางเตียว ตำบลคลองท่อมเหนือ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่

อำเภอเกาะลันตา
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา มีเนื้อที่ประมาณ ๑๕๒ ตารางกิโลเมตร ในอำเภอเกาะลันตา ประกอบด้วยเกาะต่างๆ ที่สำคัญได้แก่ เกาะลันตาใหญ่ เกาะลันตาน้อย เกาะตะเล็งเบ็ง และเกาะใกล้เคียง รวมไปถึงหมู่เกาะห้า หมู่เกาะรอก และเกาะไหง เกาะที่น่าท่องเที่ยวของอุทยานฯ ได้แก่ เกาะลันตาน้อย เป็นเกาะที่เป็นชุมชนของชาวเกาะลันตาในอดีตมาก่อน มีที่ว่าการอำเภอ มีโรงเรียนวิถีชีวิตแบบเก่า ๆ บ้านเรือนโบราณยังมีให้พบเห็น เกาะลันตาใหญ่ มีรูปร่างยาวเรียวจากเหนือมาใต้ ศูนย์กลางธุรกิจของเกาะอยู่ที่บริเวณท่าเรือศาลาด่านซึ่งมีทั้งบริการท่องเที่ยว ร้านอาหาร ธนาคาร ด้านตะวันตกเรียงรายไปด้วยชายหาดและอ่าวที่สวยงามมากมายได้แก่ หาดคอกวาง หาดโละบารา อ่าวพระแอะ หาดคลองโขง หาดคลองนิน และมีถนนตัดจากท่าเรือตอนเหนือผ่านชายหาดต่าง ๆ ไปจนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาซึ่งอยู่ตอนใต้สุดของเกาะ พื้นที่ส่วนใหญ่บนเกาะมีสภาพเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน ปกคลุมด้วยป่าที่สมบูรณ์ ส่วนด้านตะวันออกมีชุมชนเก่าของเกาะลันตาเนื่องจากเคยเป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอมาก่อน ซึ่งย้ายไปอยู่ที่เกาะลันตาน้อย ชาวบ้านส่วนใหญ่บนเกาะลันตานับถือศาสนาอิสลาม และที่บ้านสังกะอู้ยังมีชนพื้นเมืองที่ยังคงยึดถือวัฒนธรรมประเพณี ได้แก่ ประเพณีลอยเรือ ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ มีจุดชมวิว แหลมโตนด ซึ่งเป็นที่ตั้งของประภาคาร จากมุมนี้สามารถมองเห็นโค้งอ่าวกรวดและอ่าวหาดทรายขาวสะอาดมาบรรจบกัน ตอนปลายสุดของแหลมเป็นที่ตั้งของเกาะหม้อ เป็นจุดดำดูปะการังน้ำลึก นอกจากจุดชมวิวแหลมโตนดแล้ว ยังมีจุดชมวิวบนยอดเขาบริเวณตอนกลางเกาะที่มีร้านอาหารสามารถนั่งรับประทานอาหารพร้อมกับชมทิวทัศน์ของทะเลอันดามันที่มีเกาะต่าง ๆ อยู่ท่ามกลางผืนน้ำสีน้ำเงินบนเกาะลันตาใหญ่มีที่พักเอกชนเปิดให้บริการมากมาย ฤดูท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม นักท่องเที่ยวที่ต้องการพักค้างแรมในบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ควรติดต่อล่วงหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา เลขที่ ๕ ตำบลเกาะลันตาใหญ่ อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ๘๑๑๕๐ โทร. ๐ ๗๕๖๒ ๙๐๑๘-๙การเดินทางไปเกาะลันตาใหญ่รถยนต์ นักท่องเที่ยวที่นำรถไปเองสามารถนำรถลงเรือได้ที่ท่าเทียบแพขนานยนต์ บ้านหัวหินไปเกาะลันตาน้อยและข้ามแพอีกครั้งไปยังเกาะลันตาใหญ่ สามารถข้ามแพได้ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น.- ๑๘.๓๐ น. ค่าข้ามแพ จากบ้านหัวหิน - เกาะลันตาน้อย รถยนต์ คันละ ๕๐ บาท ผู้โดยสารคนละ ๓ บาท มอเตอร์ไซค์ คันละ ๑๐ บาท จากเกาะลันตาน้อย - เกาะลันตาใหญ่ รถยนต์ คันละ ๔๐ บาท รวมคนขับ ผู้โดยสารคนละ ๓ บาทสามารถข้ามแพได้ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. - ๒๐.๐๐ น. การเดินทางไปท่าเรือหัวหิน จากอำเภอเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข ๔ ไปทางอำเภอคลองท่อม (เส้นทางไปจังหวัดตรัง) ถึงบ้านแยกห้วยน้ำขาว ให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวง ๔๒๐๖ ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร จนถึงบ้านหัวหิน รถตู้ปรับอากาศ มีรถออกจากอำเภอเมือง วิ่งระหว่างกระบี่-เกาะลันตาใหญ่ รถออกเวลา ๑๑.๐๐ น. ๑๓.๐๐ น. และ ๑๖.๐๐ น. ค่าโดยสารคนละ ๑๒๐ บาท ใช้เวลาเดินทาง ๒ ชั่วโมง ส่วนขากลับจากเกาะลันตาใหญ่ จะมีรถออกเวลา ๐๗.๐๐ น. และ ๑๒.๐๐ น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กระบี่ ลันตาทัวร์ อำเภอเมือง โทร. ๐ ๗๕๖๒ ๒๗๙๒ ศาลาด่าน โทร. ๐ ๗๕๖๘ ๔๑๒๑ นอกจากนั้นจากจังหวัดตรัง ก็มีรถตู้ปรับอากาศบริการ รถออกเวลา ๑๑.๐๐ น. ๑๒.๓๐ น. ๑๓.๓๐ และ ๑๕.๓๐ น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๓ ชั่วโมง ค่าโดยสารชาวไทยคนละ ๑๒๐ บาท ชาวต่างประเทศ ๑๘๐ บาท สอบถามข้อมูลได้ที่ โทร. ๐ ๗๕๒๑ ๑๑๙๘ เรือโดยสารในฤดูท่องเที่ยว (เดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม) มีเรือออกจากท่าเรือเจ้าฟ้า อำเภอเมือง ไปขึ้นที่ท่าเรือศาลาด่าน บนเกาะลันตาใหญ่ เรือออกเวลา ๑๐.๐๐ น. และ ๑๓.๐๐ น. ใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมง สนใจสอบถามข้อมูลที่ท่าเรือเจ้าฟ้า โทร. ๐ ๗๕๖๓ ๐๔๗๐ - ๒
การเดินทางจากเกาะลันตาไปยังเกาะต่าง ๆ นอกจากนั้นบริษัทเรือเอกชนบนเกาะลันตายังมีเรือวิ่งให้บริการหลายเส้นทาง เกาะลันตา - เกาะพีพี เรือออกเวลา ๐๘.๐๐ น. และ ๑๓.๐๐ น. ค่าโดยสารคนละ ๒๐๐ บาท เกาะลันตา - กระบี่ เรือออกเวลา ๐๘.๐๐ น. และ ๑๓.๐๐ น. ค่าโดยสารคนละ ๒๐๐ บาท เกาะลันตา - เกาะพีพี - ภูเก็ต เรือออกเวลา ๐๙.๐๐ น. และ ๐๔.๓๐ น. ค่าโดยสารคนละ ๒๕๐ บาทเกาะลันตา - เกาะพีพี - กระบี่ เรือออกเวลา ๐๙.๐๐ น. และ ๑๓.๓๐ น. รวมทั้งมีเรือบริการวิ่งระหว่าง เกาะลันตา - เกาะจำ - กระบี่ และเรือบริการทุกวันจากเกาะลันตาใหญ่ไปเกาะไหง เกาะรอก และเกาะกระดาน สนใจสอบถามข้อมูลได้ที่ บริษัท รอยัล เฟิร์น จำกัด โทร. ๐ ๗๕๖๘ ๔๑๖๓, ๐ ๑๗๑๙ ๔๘๑๑ เกาะตะละเบ็ง อยู่ระหว่างท่าเรือคลองม่วง-เกาะลันตา เป็นเกาะที่มีลักษณะเป็นหินปูน คล้ายเกาะพีพีเล มีชายหาดเล็กๆ และโพรงถ้ำซึ่งจะโผล่ให้เห็นได้เฉพาะเวลาน้ำลง มีนกนางแอ่นอาศัยอยู่บนเกาะด้วย ในกลุ่มนี้จะมีเกาะผีซึ่งอยู่ไปทางทิศเหนือ และยังเป็นที่สามารถพายเรือแคนูได้ เกาะรอกใน เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ย่อยของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา เป็นเกาะที่มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน ด้านทิศตะวันออกมีหาดทราย และแนวปะการังเป็นกลุ่มๆ ตามโขดหิน ด้านทิศเหนือของเกาะมีแหลมธงและอ่าวศาลเจ้า ผืนทรายที่เกาะรอกในละเอียดขาวเนียน น้ำทะเลใสเป็นสีเขียวจนมองเห็นปลาหลากสีสัน เป็นความบริสุทธิ์ของธรรมชาติที่ยังไม่มีใครเดินทางมาสัมผัสมากนัก บนเกาะยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติให้ได้เดินออกกำลังกายดูพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ได้อีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะพักค้างแรม บนเกาะมีที่สำหรับกางเต็นท์ สนใจสอบถามข้อมูลได้จาก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา โทร. ๐ ๗๕๖๒ ๙๐๑๘ - ๙ เกาะรอกนอก ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศใต้ มีหาดทรายขาวละเอียด และแนวปะการังน้ำตื้น ด้านท้ายเกาะมีหาดทะลุและอ่าวม่านไทร การเดินทางไปเกาะรอก นิยมเช่าเรือจากท่าเรือปากเมง ใช้เวลาประมาณ ๓-๔ ชั่วโมง หรือใช้บริการนำเที่ยวด้วยเรือเร็วจากเกาะลันตา สามารถติดต่อได้จากบริษัททัวร์หรือสถานที่พักบนเกาะลันตาใหญ่ หมายเหตุ: ไม่แนะนำให้เช่าเรือหางยาวเดินทางไปเกาะรอกเนื่องจากระยะทางไกล อาจไม่ปลอดภัยโดยเฉพาะในวันที่สภาพอากาศไม่ดี เกาะไหง ทางทิศตะวันออกของเกาะประกอบด้วยหาดทรายยาว และมีปะการังด้านหน้าหาด นับเป็นแหล่งดูปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์แห่งหนึ่ง การเดินทาง สามารถเช่าเรือจากท่าเรือปากเมง จังหวัดตรังได้ หินแดง เป็นหินโสโครก อยู่ฝั่งด้านนอกของทะเลอันดามัน มีปะการังชนิดต่าง ๆ ที่สวยงามเหมาะสำหรับการดำน้ำเกาะห้า เป็นกลุ่มเกาะ ๕ เกาะ เกาะห้าใหญ่มีรูปร่างคล้ายใบเรือ และเป็นจุดดำดูปะการังน้ำตื้น

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552